กิจกรรม สนุกกับนิทาน อารมณ์เบิกบานเพระเสียงเพลง

สร้างโดย ศพด.ชุมชนบ้านโพนสา (จังหวัดหนองคาย)

ผู้จัดทำ นางสาวสังวาล พิมพ์พา

ประเภทตัวชี้วัด : สถานศึกษามีการจัดทำหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ



            การเล่านิทานเป็นกิจกรรมที่ตอบสนองต่อธรรมชาติของเด็ก การที่ครูเล่านิทานให้เด็กฟังทุกวันมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการเล่านิทานทำให้เด็กเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน เนื้อหาในทานยังสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ที่ดีงามอันเป็นแนวทางในการ ปฏิบัติตนของเด็ก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมทักษะทางด้านภาษา โดยเฉพาะทักษะการฟัง การพูด การกล้าแสดงออก การคิดและจินตนาการ ในการเล่านิทานครูได้นำเทคนิคการเล่านิทาน ONE SONG HIT มาจัดกิจกรรมกับเด็กโดยมีหลักการวิธีการและเทคนิคการเล่านิทานดังต่อไปนี้ หลักการ 1.เลือกเพลงที่มีเนื้อหาสาระหรือความหมายสอดคล้องกับนิทาน 2.นำเพลงบ้างส่วนมาเล่าร่วมกับนิทาน 3.ที่คาดผมตัวละครในเรื่องนั้นๆ วิธีการเล่า 1.ครูร้องเพลงให้เด็กฟัง หรือเปิดเพลงให้เด็กฟัง 2.ให้เด็กเลือกที่คาดผมที่ตัวเองชอบในเนื้อเรื่องนิทาน 3เขียนเนื้อหาให้เด็กอ่านตามหรือสร้างประสบการณ์ 4.ชวนเด็กร้องไปด้วยกัน เทคนิคการเล่านิทาน 1.การใช้เสียง ผู้เล่านิทานต้องใช้นำ้เสียง สูง ตำ่ ให้เด็กเกิดความสนใจ 2.รู้เรื่องราวของนิทาน ผู้เล่าต้องรู้เรื่องราทั้งหมดของนิทาน 3.การใช้อุปกรณ์สื่อประกอบ เช่น ท่ีคาดศรีษะรูปสัตว์ในตัวละคร 4.ใช้เพลงประกอบการเล่านิทาน จากหลักการ วิธีการและเทคนิคการเล่านิทานดังกล่าวข้างต้น ศูนยพัฒนาเด็กเล็กชุมชนบ้านโพนสา ได้จัด กิจกรรมสนุกกับนิทานอารมณ์เบิกบานเพราะเสียงเพลง มีเทคนิคการเล่านิทาน ONE SONG HITมาใช้ดังนี้ 1.ครูร้อง เพลง”เป็ด”ให้เด็กฟัง แล้วให้เด็กร้องตาม 2.ครูนำนิทานเรื่อง เป็ดน้อยผู้ซื่อสัตย์ มาเล่าให้เด็กฟัง 3.ครูสร้างข้อตกลงกับเด็กก่อนเล่านิทาน ดังนี้ ถ้าครูเล่านิทานมาถึง คำว่า”เป็ดน้อย” ให้เด็กร้องเพลงประโยคที่ว่า”เป็ดน้อย เป็ดน้อยใส่รองเท้าแตะเดิน เดิน ไป มา ทำท่าดุกดิกๆ” พร้อมกัน 4.เด็กฟังนิทานและเด็กปฏิบัติตามข้อตกลง 5.เด็กและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาในนิทานร่วมกัน จากการจัดกิจกรรม สนุกกับนิทาน อารมณ์เบิกบานเพระเสียงเพลง เด็กได้รับการส่งเสริมทักษะการฟัง ทักษะทางด้านภาษาเกิดจินตนาการและมีความสุขสนุกสนานเพลิดเพลินกับเนื้อหาในนิทานและเพลงที่ได้ร้อง “Super Teacher”

ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=7391 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 7391