บทความ เรื่อง ภูเขาแห่งศรัทธา นำพาสู่คุณธรรม

สร้างโดย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านวังขอนแดงหนองหญ้าปล้อง (จังหวัดมหาสารคาม)

ผู้จัดทำ นางสาวอาภาพร ศรีทาดี

ประเภทตัวชี้วัด : สถานศึกษามีการจัดโครงการ/กิจกรรมส่งเสริมคุณภาพผู้เรียนอย่างหลากหลาย



            บทความ เรื่อง ภูเขาแห่งศรัทธา นำพาสู่คุณธรรม วัดถ้ำแสงธรรมก่อสร้างขึ้นเมื่อปี ๒๕๔๕ โดยประมาณ วัดถ้ำแสงธรรม ตั้งอยู่ใน ตำบล บริบูรณ์ อ.สีชมภู จ.ขอนแก่น โดยการท่องเที่ยวแล้วยังไม่มีข้อมูลประวัติที่รู้จักกันมากนัก วัดแห่งนี้สภาพโดยทั่วไปเป็นภูเขาหินที่คล้ายเป็นแนวปะการังเหมือนหลายล้านปีแล้วดันขึ้นมาจากเปลือกโลก พระอาจารย์เสงี่ยมหรือหลวงปู่ ได้เริ่มปรับปรุงสภาพถ้ำเริ่มตั้งแต่ 2541 โดยหลวงปู่ได้มาจำพรรษาอยู่ ณ ถ้ำแห่งนี้ ได้ร่วมกับศิษย์ ญาติโยม อุบาสก อุบาสิกาปรับปรุง พัฒนาพื้นที่ด้านนอกและภายในถ้ำ โดยการสกัดก้อนหิน สลับกับการสร้างให้มีความมั่นคงด้วยการเทคอนกรีต ขัดหินอ่อนให้เป็นที่อยู่อาศัยและปฎิบัติธรรมของพระภิกษุ ปี พ.ศ. 2542 ญาติโยมมีความศรัทธาต่อการมาปฎิบัติธรรมมากขึ้นการเดินขึ้นถ้ำแห่งนี้จึงได้มีการปรับปรุงสร้างเป็นบันไดคอนกรีตเพื่อให้ญาติโยมได้ขึ้นมายังถ้ำ สะดวกปลอดภัยมากขึ้นมีงบประมาณ 200,000 บาทพระอาจารย์จึงได้สร้างบันไดเบื้องต้น ซึ่งเมื่อก่อนเป็นถ้ำธรรมดาที่อยู่บนภูเขาและได้มีพระสงฆ์มาปฏิบัติธรรมจากนั้นได้มีชาวบ้านแวะเวียนกันมาทำบุญ และด้วยความเลื่อมใสเริ่มมีคนเข้ามาทำบุญมากขึ้นจากปากต่อปาก และมีผู้คนที่มีจิตศรัทธามาร่วมทำบุญ และเนื่องจากพื้นที่ของถ้ำเป็นสถานที่สงบเงียบ และด้วยความงามด้วยวิวทิวทัศน์ด้านบนที่ทั้งสวยงาม เย็นสบายและเงียบทำให้มีผู้คนเริ่มเข้ามาถือศีลปฏิบัติธรรมในละแวกใกล้เคียงและผู้คนที่นับถือรวมถึงผู้คนต่างจังหวัดที่แวะเวียนกันเข้าวัดฟังธรรมที่วัดแห่งนี้โดยไม่ขาดสาย และได้เริ่มต่อเติมวัดออกมาด้านนอกรอบภูเขาที่ยื่นออกมา จนเป็นที่เล่าลือถึงความงามและได้บรรยากาศที่เหมาะกับการปฏิบัติธรรม ให้ความศรัทธาแวะเวียนกันเข้ามาไหว้พระขอพรร่วมฟังธรรมที่วัดแห่งนี้โดยไม่ขาดสาย จากการสร้างและต่อเติมพื้นที่ของวัด ทำให้วัดถ้ำแสงธรรมในปัจจุบันเปรียบเสมือนปฏิมากรรมชิ้นเอกของคนที่ได้พบเห็นและสัมผัส เพราะนอกเหนือจากจะเป็นแค่วัดที่อยู่บนภูเขาแล้วนั้น สิ่งที่ทุกคนต้องตะลึงก็คือ การก่อสร้างของวัดที่ยื่นออกมาบริเวณหน้าผาทำเป็นระเบียงที่สร้างด้วยหินแกรนิคล้วนๆโดยการออกแบบของเจ้าอาวาสเอง ภายในวัดเย็นสบายเต็มไปด้วยหินงอกหินหย้อย เป็นวัดที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมของถือศิลที่ต้องการความสงบ รวมถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของผู้ที่ผ่านไปมาอดไม่ได้ที่จะต้องแวะเข้ามา กราบไหว้และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้จะต้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก เมื่อขึ้นไปด้านบนของวัด และการเดินทางขึ้นไปบนวัดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราคนส่วนใหญ่มักจะเปรียบการเดินทางขึ้นไปบนวัดนั้นคือทางไปสวรรค์ เพราะมันต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกายใช้ความอดทนของจิตใจ เนื่องจากต้องเดินทางด้วยเท้าด้วยความสูงชัน เดินขึ้นบันได ๔๘๐ ขั้นด้วยกัน แต่ถึงแม้ระยะทางบวกความเหน็ดเหนื่อย ด้วยความศรัทธาทุกคนที่ขึ้นไปยังวัดถ้ำแสงธรรม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งร่มรื่นร่มเย็น สวยงามด้วยวิวด้านล่างที่มีสีเขียวขจีมองลงมายังพื้นด้านล่างก็จะเห็นพื้นสีเขียวซึ้งเป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ครูและเด็กๆรวมถึงผู้ปกครองและผู้นำชุมชน จะเข้าวัดฟังธรรมและร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน วัดถ้ำแสงธรรมเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านในชุมชน และโรงเรียนจะพาเด็กๆมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำหลักการปฏิบัติธรรม มาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต ปฏิบัติตนให้เป็นที่รักของคนรอบตัวการอยู่ร่วมกันในสังคม ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเด็กส่วนใหญ่ในพื้นที่จะไปทำบุญที่วัดกับผู้ปกครอง และทางโรงเรียนก็จัดกิจกรรมเข้าวัดฟังธรรมบำเพ็ญประโยชน์ การนั่งสมาธิฝึกการมีสติ การไหว้พระและฟังเทศนาและการปฏิบัติตนให้เป็นคนดีอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมโดยมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การน้อบน้อมต่อผู้ใหญ่และการเรียนรู้หลักการวางตนการปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรม เด็กสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการเข้าวัดฟังธรรม โดยการปฏิบัติตนในการทำกิจกรรมไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน เด็กมีสมาธิในการร่วมกิจกรรมในห้องเรียน เด็กจะนิ่งและฟังคุณครูอย่างตั้งใจ เด็กรู้จักการรอคอย เพราะการที่เด็กได้นั่งสมาธินั้น ช่วยให้เด็กมีสมาธในการทำงาน การพูดจา เด็กจะพูดจาสุภาพเพราะเวลาที่เด็กไปวัดเด็กจะเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเพราะคนที่ไปวัดส่วนใหญ่จะพูดกันด้วยถ้อยคำสุภาพ ไม่เสียงดัง เด็กเรียนรู้การให้ รู้จักแบ่งปันสิ่งของ ไม่รังแกผู้อื่น ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ทักษะที่ได้จากการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ที่เด็กๆได้ศึกษาสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีร่วมกับผู้ปกครองมาใช้ในการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆในโรงเรียน สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงในชั้นเรียนหรือในกลุ่มได้เช่นเด็กมีการไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน เด็กรู้จักการเป็นผู้ให้ก่อนการเป็นผู้รับ ยกมือไหว้เมื่อมีคนให้สิ่งของพร้อมกล่าวคำว่าขอบคุณคะ และรู้จักกล่าวคำขอโทษเมื่อตนเองทำผิด ทั้งนี้การฝึกฝนพฤติกรรมต่างๆคงไม่ใช่เฉพาะขณะที่เด็กอยู่ในสถานศึกษา เมื่อเด็กกลับไปบ้านจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับผู้ปกครอง ดังนั้นผู้ปกครองและครูควรได้ร่วมมือกันพัฒนาพฤติกรรมเด็กโดยการฝึกฝน ดูแลปฏิบัติกับเด็กในแบบอย่างเดียวกัน เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้พฤติกรรมที่พึงประสงค์และไม่เกิดความขัดแย้งในความคิดว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี เด็กสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้โดยการยึดหลัก คุณธรรมจริยธรรมที่ได้จากการเข้าวัดฟังธรรม การเรียนรู้เรื่องมารยาทการปฏิบัติตนในแต่ละสถานที่และนำมาใช้ในการดำรงชีวิตทั้งที่บ้านและโรงเรียน เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความ เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวที่ผู้ใหญ่เป็นผู้แต่งแต้มสีสันเป็นผู้กำหนดได้อาจจะโดยการแสดงออกทางพฤติกรรมของผู้ใหญ่แล้วเด็กก็เลียนแบบพฤติกรรม การถ่ายทอด การซึมซับในการกระทำของผู้ใหญ่ เช่น ผู้ใหญ่พาเด็กเข้าวัดฟังธรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา การใช้คำพูดของผู้ใหญ่ ไม่ว่าเด็กจะเติบโตมาในสถานที่ที่ต่างกันแต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือสิ่งแวดล้อมของชุมชน การสานสัมพันธ์กันระหว่างคนในชุมชน การดูแลเอาใจใส่ของผู้ปกครอง การร่วมมือกันในการพัฒนาเด็กของคนในสังคม การดำรงชีวิตในแต่ละวันที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นในการปลูกฝังแนวทางปฏิบัติดีการสานสัมพันธ์กันของ วัด ชุมชน โรงเรียน ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมได้ในอนาคตวันข้างหน้า

ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=5755 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 5755