ผักนี้มีประโยชน์ได้ทั้งคาวหวาน
สร้างโดย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบุญแก้ว อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี (จังหวัดสุราษฎร์ธานี)
ผู้จัดทำ นางอัมพร ใหม่ซ้อน รุ่น 6 โครงการ รมป.1
ประเภทตัวชี้วัด : สถานศึกษามีการจัดโครงการ/กิจกรรมส่งเสริมคุณภาพผู้เรียนอย่างหลากหลาย
ฟักทอง เป็นพืชผักที่จัดอยู่ในกลุ่มพืชตระกูลแตง (Cucurbitaceae) ซึ่งได้แก่ ฟักทอง แตงกวา แตงร้าน ฟักแฟง มะระ บวบ แตงโม แคนตาลูป ฯลฯ เป็นพืชผักที่มีราคาถูก มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณและถนอมสายตา นำมาทำอาหารได้หลายชนิด เช่น ยอดอ่อนนำมาลวกจิ้มน้ำพริก หรือใส่แกงเลียง แกงส้มเปรอะ แกงส้ม เป็นต้น เนื้อใช้ทำอาหารได้ทั้งคาว-หวาน ทั้งผัด-แกง-ขนม และใช้เป็นอาหารเสริมในเด็กเล็ก รวมทั้งดัดแปลงมาใช้โรยหน้าหรือปนในขนมต่างๆ ทำให้มีสีสันสวยงาม และมีคุณค่าทางอาหารมากยิ่งขึ้น ในเนื้อฟักทองสด 100 กรัม จะมีคุณค่าทางอาหาร ดังนี้ โปรตีน 1.63 ไขมัน 0.2 กากใย 0.88 คาร์โบไฮเดรต 10.1 วิตามินเอ 2,220 หน่วยสากล พลังงาน 48.7 กิโลแคลอรี สรรพคุณของมันเทศ หัวมันเทศมีสรรพคุณช่วยลดไขมันในเลือดได้ ด้วยการนำผลมาปรุงเป็นอาหารรับประทาน (หัว) หัวใช้ชงกับน้ำดื่มช่วยแก้กระหายน้ำ (หัว) หัวใช้ชงกับน้ำดื่มช่วยแก้เมาคลื่นได้ (หัว) รากมีสรรพคุณเป็นยาระบาย (ราก) หัวมีสรรพคุณเป็นยาแก้บิด (หัว)หัวใช้ชงกับน้ำดื่มช่วยบำรุงม้ามไต (หัว) น้ำคั้นจากหัวใช้เป็นยาทาแก้แผลไฟไหม้ได้ (หัว) ใบใช้ตำพอกรักษาฝีได้ หรือจะใช้ใบตำผสมกับเกลือใช้พอกฝีก็ได้ ส่วนตำรับยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้ยอดและใบมันเทศนำมาตำผสมกับยอดและใบผักขมใบแดงเป็นยาพอกฝี (ยอดและใบ) ตำรายาไทยจะใช้หัวนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกแผล รักษาเริม และงูสวัด (หัว) ทั้งต้นและหัวมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา (ทั้งต้น,หัว) หัวใช้ตำพอกเป็นยาถอนพิษรักษาแผล ช่วยเร่งการสมานแผล (หัว)รากและใบใช้ตำพอกบาดแผล แก้พิษแมลงป่อง (รากและใบ) เถาใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไขข้ออักเสบ (เถา) ยอดอ่อนนำมาแกงให้สตรีหลังคลอดบุตรรับประทานจะช่วยทำให้มีน้ำนม (ยอดอ่อน)
ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=4508 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 4508