พิธีไหว้ครูประจำปี

สร้างโดย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลทากาศ อ.แม่ทา จ.ลำพูน  (จังหวัดลำพูน)

ผู้จัดทำ ครููบุญส่ง เป็งกาศ

ประเภทตัวชี้วัด : หัวหน้า ศพด.,ครู,ผดด. และผู้เรียนมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้ปกครอง และชุมชน



            พิธีการวันไหว้ครูประจำปี ครู ต้องพัฒนาบุคลิกภาพตนเอง เสริมพลังบุคลิกภาพบวก เรียนรู้หลักจิตวิทยาลักษณะนิสัยและพฤติกรรมการแสดงออกของเด็ก และกระทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี เมื่อครูเต็มเปี่ยมไปด้วยบุคลิกทางบวกที่สง่างาม เต็มด้วยเมตตาจิตและศักดิ์ศรี พร้อมด้วยศักยภาพและบุคลิกภาพที่ทรงพลังในเชิงจัดการและบริหารทรัพยากรในตนเองและในเด็กแล้ว จะสามารถมองและฟังใจเด็กด้วยความรักและความเข้าใจ ในความรู้สึกของเด็กและปฏิสัมพันธ์ทางบวกกับครู จะช่วยให้เด็กมีค่านิยมคุณค่าและศักดิ์ศรีในตนเอง มีคุณธรรม จริยธรรม ความรักเคารพต่อคุณครูผู้มีพระคุณที่ให้ความรู้คู่คุณธรรม ดังนั้นทางโรงเรียนจึงเล็งเห็นความสำคัญของกิจกรรมวันไหว้ครู ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนได้เข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมวันไหว้ครูที่ได้กระทำมาเป็นเวลาช้านานอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับเป็นประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามที่นักเรียนควรยึดถือและปฏิบัติต่อครูผู้มีพระคุณด้วยการแสดงออกด้วยการกราบไหว้ครู"ครู" มีความหมายว่า ผู้สั่งสอนศิษย์ หรือ ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ซึ่งมีผู้กล่าวว่ามาจากคำว่า ครุ (คะ-รุ) ที่แปลว่า "หนัก" อันหมายถึง ความรับผิดชอบในการอบรมสั่งสอนของครูนั้น นับเป็นภาระหน้าที่ที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย กว่าคนๆหนึ่งจะเติบโตเป็นผู้มีวิชาความรู้ และเป็นคนดีของสังคม ผู้เป็น "ครู" จะต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเลย ซึ่งในชีวิตของคนๆ หนึ่ง นอกเหนือไปจากพ่อแม่ซึ่งเปรียบเสมือน "ครูคนแรก" ของเราแล้ว การที่เด็กๆ จะดำรงชีพต่อไปได้ในสังคม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี "ครู" ที่จะประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ เพื่อปูพื้นฐานไปสู่หนทางทำมาหากินในภายภาคหน้าด้วย ดังนั้น "ครู" จึงเป็นบุคคลสำคัญที่เราทุกคนควรจะได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อท่าน ด้วยเหตุนี้เอง "การบูชาครู" หรือ "การไหว้ครู" จึงเป็นประเพณีสำคัญที่มีมาแต่โบราณ และมีอยู่ในแทบทุกสาขาอาชีพของคนไทย ถือเป็นพิธีกรรมที่แสดงความเคารพ และระลึกถึงพระคุณของบูรพาจารย์ ครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์วิชาความรู้ให้ ทำให้เราสามารถนำไปประกอบวิชาชีพ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ในอนาคต ในความหมายของ "การไหว้ครู" ก็คือ การที่ศิษย์แสดงความเคารพ ยอมรับนับถือครูบาอาจารย์อย่างจริงใจ ว่าท่านเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมความรู้ ศิษย์ในฐานะผู้สืบทอดมรดกทางวิชาการ จึงพร้อมใจกันปวารณาตัวรับการถ่ายทอดวิชาความรู้ด้วยความวิริยะอุตสาหะ เพื่อให้บรรลุปลายทางแห่งการศึกษาตามที่ตั้งใจเอาไว้ ซึ่งการไหว้ครูนี้ นอกจากจะเป็นธรรมเนียมอันดีงามที่มีส่วนโน้มน้าวจิตใจคนให้รักษาคุณความดี และช่วยธำรงรักษาวิทยาการให้สืบเนื่องต่อไปแล้ว การที่ศิษย์แสดงความเคารพยอมรับนับถือครูตั้งแต่เบื้องต้น ก็มีส่วนทำให้ครูเกิดความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ อยากมอบวิชาความรู้ให้อย่างเต็มที่ และศิษย์เองก็จะมีความรู้สึกผูกพันใกล้ชิด เกิดมั่นใจว่าตนจะมีผู้คุ้มครองดูแล สั่งสอนให้ไปสู่หนทางแห่งความดีงาม และความเจริญก้าวหน้าแน่นอน วัตถุประสงค์ : 1. เพื่อให้นักเรียนแสดงความเคารพ ความกตัญญูกตเวทีต่อครูผู้มีพระคุณ 2. เพื่อให้นักเรียนแสดงออกในทางที่ถูกที่ควร ในโอกาสที่เหมาะสม 3. เพื่อให้นักเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมระลึกถึงพระคุณของคุณครู 4. เพื่อให้นักเรียนจัดพานดอกไม้ธูปเทียนในการอนุรักษ์ประเพณีอันดีงาม ความมุ่งหมายพิธีไหว้ครู 1. เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศล ด้วยการถวายเครื่องสักการะ พลีกรรมแก่ปรมาจารย์ทั้งหลายทั้งปวง ที่มาประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้แก่ศิษย์ 2. เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดความมั่นใจในการเรียนนาฎศิลป์เป็นอย่างดี เมื่อได้ผ่านพิธีกรรมมาแล้ว 3. เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษ หากศิษย์ได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรมก็ตาม 4. เพื่อไว้สำหรับต่อท่ารำที่เป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงที่มีความเชื่อมาแต่โบราณว่า เพลงหน้าพาทย์บางเพลงจะต้องต่อท่ารำในพิธีไหว้ครู จึงจะเกิดเป็นสิริมงคลทั้งแก่ผู้สอนและผู้เรียน 5. เพื่อเป็นสิ่งเตือนสติให้ศิษย์ระลึกถึงครู อันเป็นเครื่องเตือนใจที่จะประพฤติแต่ในสิ่งที่ดีงาม อยู่ในศีลธรรมจรรยา ตั้งตนอยู่ในโอวาทคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ประโยชน์ที่ได้รับจากพิธีไหว้ครู 1. สามารถทำให้เกิดความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในฐานะที่เป็นศิษย์มีครูเหมือนกัน 2. สามารถนำวิชาความรู้ที่เรียนมา ไปถ่ายทอดได้ด้วยความมั่นใจ โดยไม่ต้องกลัวว่า "ผิดครู" 3. เป็นการสร้างศิษย์ให้มีความเชื่อมั่นในวิชาความรู้ที่ได้เรียนมา กล้าแสดงออกไม่เก็บตัว 4. ทำให้มีความรู้กว้างขวางและเข้าใจในพิธีกรรมเช่นนี้อย่างชัดเจน 5. เกิดความสบายใจหากได้ทำสิ่งใดผิดพลาดไป ก็จะได้เป็นการขอขมาครูไปด้วย

ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=3911 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 3911