กีฬาสีสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
สร้างโดย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านวังน้ำเขียว (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)
ผู้จัดทำ นางรัตนา ดวงแก้ว
ประเภทตัวชี้วัด : สถานศึกษามีความร่วมมือระหว่างบ้าน,ศาสนา,การศึกษา,ภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ในชุมชน
ตามนโยบายของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญ ด้านกีฬาโดยกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริม และสนับสนุนให้ประชาชน เด็ก เยาวชน หันมาสนใจเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพพลานามัย และห่างไกลยาเสพติด เด็กปฐมวัย (0 – 6 ปี) เป็นช่วงอายุที่มีความสำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์เพราะร่างกายจะมีการพัฒนา และเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่สุด ทั้งด้านกล้ามเนื้อต่างๆ ใยประสาทซึ่งมีผลต่อความฉลาดของเด็ก ตลอดจนมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาการทางอารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา จะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาในวัยต่อๆไป และได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน ได้สังเกต ได้โอกาสทดลองสร้างสรรค์ แก้ปัญหา และลักษณะนิสัย รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และมีน้ำใจนักกีฬา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านวังน้ำเขียว จัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อให้เด็กนักเรียนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ และพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงเพื่อให้เด็กนักเรียนได้เกิดความรัก ความสามัคคีกันและเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในด้านการสนับสนุนส่งเสริมกีฬา และเป็นแบบอย่างให้เด็กนักเรียน และเยาวชนในการปลูกฝังจิตสำนึกให้เด็กนักเรียนรักกีฬา และห่างไกลยาเสพติด กิจกรรมกีฬาสีมีการจัดเดินขบวน และเริ่มพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านวังน้ำเขียว ครั้งที่ 1 ประจำปีการศึกษาที่ 1/2555 โดยได้รับเกียรติจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลร่อนทองาเป็นผู้เปิด ครูได้แบ่งสี เป็น 3 สี ได้แก่ สีม่วง สีแดง และสีชมพู และประเภทกีฬาที่ให้เด็กได้แข่งขัน ได้แก่ กีฬาวิ่งแข่ง ระยะทาง 40 เมตร กีฬาวิ่งผลัด กีฬาโยนลูกบอลลงตะกร้า กีฬาตะฟุตบอลเข้าประตู การร้องเพลงเชียร์ของแต่ละสี การแสดงเต้นโชว์ เด็ก ๆ สนุกสนาน เพลิดเพลินกับการแข่งขันกีฬาประเภทต่าง ๆ จากนั้นก็เป็นพิธีการมอบของรางวัล และเหรียญรางวัล (เหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง เด็ก ๆ เกิดความภาคภูมิใจในการแข่งขันกีฬา และได้รับของรางวัลเก็บไปฝากพ่อ แม่ และผู้ปกครองที่บ้าน จากกิจกรรมนี้เด็ก ๆ ได้รู้จักการเล่นกีฬาประเภทต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง สร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรค และร่วมส่งเสริมการเล่นกีฬาเพื่อห่างไกลยาเสพติด ปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่รักการออกกำลังกาย อนาคตเด็กไทยในปัจจุบันอาจได้เป็นนักกีฬาทีมชาติก็เป็นได้
ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=3656 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 3656