นวัตกรรมจากแหล่งเรียนรู้ในชุมชน

สร้างโดย บ้านละกอ (จังหวัดนครราชสีมา)

ผู้จัดทำ นางสาวตรีรัตน์ ทิศกระโทก

ประเภทตัวชี้วัด : ประสบการณ์ : จากเรื่องเล่า ใต้ร่มพระบารมี



             ตัวชี้วัด : ประสบการณ์ : จากเรื่องเล่าใต้ร่มพระบารมี ครูผู้สอนได้ยึดหลักธรรม โยนิโสมนสิการ เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้แก่เด็กที่ตนเองสอนอยู่ คือ การคิดอย่างถูกวิธี รู้จักคิด คิดเป็น เด็กจะพัฒนาทักษะการคิด โดยมีครูเป็นบุคคลสำคัญ ในการจัดสภาพแวดล้อม แรงจูงใจ และวิธีการสอนให้ศิษย์เกิดศรัทธาในการที่จะเรียนรู้ การได้ฝึกฝนวิธีการคิดอย่างแยบยลและนำไปปฏิบัติให้เห็นจริงครูก็จะเป็นกัลยาณมิตร เป็นมิตรแก่ศิษย์ทุกคนช่วยให้ศิษย์ได้คิด แสดงออกอย่างถูกวิธี พัฒนาให้เกิดปัญญาและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม การจัดการศึกษาปฐมวัย เป็นวัยในการสร้างพื้นฐานของชีวิต ถ้าเด็กวัยนี้ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมจะทำให้เด็กเป็นเด็กที่มีคุณภาพ การจัดการศึกษาอย่างมีระบบการศึกษาที่หลากหลาย ตามสภาพความต้องการของสังคม บริบททางสังคม วัฒนธรรม เพื่อพัฒนาเด็กให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ผ่านการเล่น ตามความสนใจของเด็ก ครูผู้สอนให้เด็กได้เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติ ครูใช้วิธีการสอนแบบเร้าความสนใจฝึกการเรียนรู้ด้วยตนเองและได้รับประสบการณ์ตรงจาการสำรวจแหล่งเรียนรู้อย่างอิสระ แหล่งเรียนรู้เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่นำไปใช้ในการดำรงชีวิต ประกอบด้วยความสามารถ 5 ด้านคือ การตั้งคำถาม การสืบค้น การใช้เครื่องมือในการสืบค้น การใช้ข้อมูลสร้างความเข้าใจนอกจากนี้เทคนิคการจัดการเรียนรู้ของครู กระบวนการจัดการเรียนรู้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยประสบความสำเร็จสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองได้ ครูผู้สอนนำนวัตกรรมด้านสื่อการเรียนรู้ที่เป็นธรรมชาติ สามารถหาดูได้ในชุมชนใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อความสะดวกในการเดินทางและแหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติ คือ การทำการเกษตร เลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด ไก่ ไก่งวง ห่านเกษตรกรใช้แหล่งน้ำ คือขุดคลองไว้ 3 ลูก เพื่อปั้มน้ำมาเลี้ยงหมู และสัตว์อื่นๆ ในสระก็ปล่อยปลา สัตว์ปีกต่างก็สามารถหาอาหาร เล่นน้ำในสระได้ด้วย ใกล้ ๆ ฟาร์ม ด้านทิศตะวันออก มีนาข้าว กำลังออกรวง ซึ่งเมื่อชาวนาเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ก็สามารถปล่อยให้สัตว์ที่เลี้ยงไว้หากินในทุ่งนาได้อีกด้วยระหว่างทางที่เดินไป – กลับ เด็ก ๆจะเห็นฝูงวัวที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยง ข้างทางเด็ก ๆ สังเกตเห็นดอกไม้ป่าที่สวยมากเมื่อเขาเข้าไปจับดูก็ต้องร้องออกมาเสียงดังเพราะหนามตำมือ คุณครูขออนุญาตเจ้าของฟาร์มขอพาเด็ก ๆเข้าไปดูหมู ซึ่งเป็นสัตว์ที่เด็ก ๆ รู้จักกันดี เด็ก ๆมีความสุขและมีคำถาม ถามคุณครูมากมาย เช่น ทำไมหมูคนเราต้องกินหมูเป็นอาหารด้วย หมูกินอะไรทำไมตัวโตจัง และอีกมากมายหลายคำถามจนตอบไม่หมด เด็ก ๆ กำลังจ้องมองดูแม่ห่านกำลังฟักไข่ อยู่ในรังของมัน เมื่อมีโอกาสจึงขอเจ้าของฟาร์มเข้าไปดูใกล้ ๆ ห่านมันตกใจเมื่อเด็ก ๆ ทำเสียยงดัง มันวิ่งออกมา เด็กคนหนึ่งอยากเห็นไข่ใกล้ ๆ เจ้าของฟาร์มก็อนุญาตให้เข้าไปจับดู แล้วตะโกนบอกว่า โอ้โห..ไข่ใหญ่กว่าไข่ไก่มากเลยครับคุณครู จะเห็นได้ว่าเด็กรู้จักการเปรียบเทียบว่า ห่านตัวโตกว่าไก่และเป็ดไขของห่านจึงโตตามไปด้วย ครูและเด็กเดินสำรวจไปทั่ว สังเกตเห็น ที่รั้วหน้าบ้านมีผลไม้กำลังสุก น่ากิน เด็ก ๆ ถามครูว่า เขาเรียกว่าลูกอะไร เจ้าของบ้านจึงตอบแทนครูว่า “ ลูกเสาวรสจ๊ะ .... คุณครูเก็บไปให้เด็ก ๆทานซิค่ะ ” เมื่อได้เวลากลับ เด็ก ๆลาเจ้าของบ้านและมองเห็นล้อรถจักรยายเก่า ๆ จึงหยิบมากลิ้งเล่น เจ้าของบ้านก็ไม่ว่าอะไรเด็กจึงพลัดกันเล่นอย่างสนุกสนาน ระหว่างทางกลับศูนย์ เมื่อมาถึงเด็กพักผ่อนล้างมือล้างหน้าเสร็จ คุณครูและเด็ก ๆ มานั่งล้อมวงรับประทานผลไม้ คือ ลูกเสาวรส ที่เจ้าของบ้านอนุญาตให้เก็บที่รั้วหน้าบ้าน เด็ก ๆ รับประทานแล้วบอกได้ว่า ผลไม้ที่ชื่อ “ เสาวรส ” มีรส อมเปรี้ยว อมหวาน รสชาติดีมาก คุณครูตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เด็ก ๆ ได้ไปพบเห็นมา เด็กสามารถคิด ถาม ตอบได้ถูกต้องและมีความเข้าใจในวงจรชีวิตของสัตว์ที่เขารู้จัก แต่ได้สัมผัสกับของจริงในวันนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และที่สำคัญเด็กมีความสนุกสนาน ไม่เบื่อหน่ายกับกิจกรรมซ้ำ ๆ ในห้องเรียน มีจิตใจที่อ่อนโยน เมตตาต่อสัตว์ ดังนั้น นวัตกรรมการเรียนที่ครูผู้สอนใช้แหล่งเรียนรู้ในชุมชน จัดประสบการณ์การเรียนรู้บรรลุวัตถุประสงค์เพื่อสอนให้เด็กเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักคิดถูกวิธี และคิดดีในอนาคตต่อไป

ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=3086 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 3086