โครงงานไข่เค็ม

สร้างโดย นางสาวญาณีนารถ กวีวัฒนถาวร (จังหวัดราชบุรี)

ผู้จัดทำ นางสาวญาณีนารถ กวีวัฒนถาวร

ประเภทตัวชี้วัด : ด้านการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย



             ข้าพเจ้านางสาวญาณีนารถ กวีวัฒนถาวร ครูผู้ดูแลเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนมหาธาตุสมานา ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี การจัดทำกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์(ทำไข่เค็ม)ซึ่งโครงงานวิทยาศาสตร์นี้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการ "บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย" เป็นโครงการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชดำริให้คณะกรรมการนำไปพิจารณาริเริ่มดำเนินการนำร่องในประเทศไทย สร้างทัศนคติที่ดีด้านการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กตั้งแต่ระดับปฐมวัย (อายุ ๓ - ๖ ปี) เพราะเป็นช่วงอายุที่มีความสามารถในการเรียนรูู้และจดจำได้ดีมากที่สุด เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กระดับตั้งแต่ปฐมวัย ข้าพเจ้าจึงได้เข้าร่วมโครงการ "บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย" วัตถุประสงค์ของการจัดทำโครงงานไข่เค็ม เด็กอายุระหว่าง ๓-๔ ปี ๑)เพื่อให้เด็กมีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยผ่านการทำกิจกรรม ลงมือทำด้วยตนเองโดยมีครูคอยให้คำแนะนำ ๒)เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐาน(ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ และความสามารถของเด็ก ให้เด็กกล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าทำ ๓)เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้ทำงานเป็นกลุ่ม พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างครูและเพื่อนๆ ขั้นตอนการจัดทำกิจกรรม ๑)ให้เด็กนำไข่เป็ดมาคนละ ๑ ฟอง ๒)นำไข่เป็ดมาทำความสะอาดโดยใช้น้ำเปล่าล้างไข่เป็ดใช้ฟองน้ำขัดเบาๆ ๓)นำไข่เป็ดมาบรรจุใส่โหลพลาสติก นำน้ำเปล่าผสมกับเกลือให้ละลาย นำมาเทใส่ภาชนะพลาสติกที่บรรจุไข่เป็ด โดยเทน้ำเกลือให้ท่วมไข่เป็ด ๔)ปิดฝาให้สนิท ดองไข่ใช้เวลา ๒๐ วัน ๕)นำไข่เป็ดที่ครบกำหนด ๒๐ วัน มาล้างทำความสะอาด นำมาต้ม ใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที ๖)กลายเป็นไข่เค็มพร้อมรับประทาน นำมาปรุงอาหารได้ตามใจชอบ หลังจากทำโครงงานผลปรากฏคือ เด็กเกิดความสนุกสนาน สนใจเรียนมาก ตั้งใจฟังทุกขั้นตอนที่ครูอธิบายไม่วอกแวก เด็กเกิดความภาคภูมิใจในผลงานที่ตนเองได้ทำขึ้นมาทำให้รับประทานอาหารได้เยอะเป็นพิเศษ มีความรับผิดชอบมากขึ้นจะช่วยครูเก็บของที่ใช้งานเสร็จแล้ว เช่น ล้างกะละมัง เช็ดโต๊ะที่ได้ทำกิจกรรม เป็นต้น

ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=3062 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 3062