เรื่องเล่า “ประสบการณ์ : จากเรื่องเล่า ใต้ร่มพระบารมี”

สร้างโดย วัดป่าคลองกุ้ง (จังหวัดจันทบุรี)

ผู้จัดทำ นางสิริวรรณ คะเสนา

ประเภทตัวชี้วัด : ประสบการณ์ : จากเรื่องเล่า ใต้ร่มพระบารมี



            ขอยกตัวอย่างพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชทาน เนื่องในโอกาสวันไหว้ครู ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2556 ว่า “ วิชาการต่างๆในสังคมทุกวันนี้มิได้อยู่นิ่งกับที่ แต่เปลี่ยนแปลงก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา เวลาคนที่เรียนจบสูงๆถ้าอยากจะอยู่อย่างก้าวหน้า ควรทำการค้นคว้าศึกษาเล่าเรียนต่อไป แม้จะมิใช่การศึกษาเล่าเรียนในระบบ เช่น อาจเข้ารับการศึกษาอบรมสัมมนา ฟังการอภิปราย หรือชมนิทรรศการว่ามีอะไรใหม่ๆ การฟังข่าวสารจากวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยาสารต่างๆก็จำเป็น ทำให้เรารู้ว่าวิทยากรก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว สิ่งแวดล้อมรอบตัวเรามันไม่อยู่กับที่ เช่น เทคโนโลยีสมัยใหม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” จากแนวพระราชดำริและพระราชดำรัสของพระองค์จะเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาทุกรูปแบบ และสนพระทัยที่จะส่งเสริมและพัฒนาให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า นับจากเด็กเล็กไปถึงผู้ใหญ่ และจากผู้ไม่รู้หนังสือไปจนถึงผู้ที่เรียนจบปริญญาสูงๆ ให้พยายามสนใจที่จะแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ข้าพเจ้าได้ย้อนคิดถึงตัวเองที่กำลังท้อแท้ต่อการเรียน ซึ่งมีมากมายประกอบกับภาระหน้าที่ในงานประจำก็มาก จึงเกิดความท้อถอย และคิดว่าตัวเองก็จบปริญญาตรีแล้วทำไมต้องมาเรียนอีก แต่เมื่อได้มาศึกษาพระราชดำรัสของพระองค์ท่านและได้เห็นตัวอย่างที่พระองค์ท่านเป็นถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ท่านยังทรงแสวงหาความรู้อยู่เรื่อยๆ จึงทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ข้าพเจ้าอยู่จังหวัดจันทบุรี ทำงานเป็นผู้ดูแลอบรมเลี้ยงดูเด็ก มาเป็นเวลา 20 ปี ข้าพเจ้าเข้ามาทำงานตั้งแต่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทำงานไปเรียนไป ข้าพเจ้าได้เรียนจบปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต สาขาการประถมศึกษา และทำงานรับใช้ศูนย์ฯเรื่อยมา ต่อมาทางกรมมีนโยบายให้ผู้ดูแลเด็กได้จบวุฒิตรงคือการศึกษาปฐมวัย ข้าพเจ้าจึงได้เข้าศึกษาตามโครงการความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระหว่างกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งปัจจุบันข้าพเจ้าได้รับบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล ตำแหน่งครูผู้ดูแลเด็ก ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกภูมิใจมากและเชื่อในพระราชดำรัสของพระองค์ท่านเสมอมา และอีกอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวในเรื่องเล่านี้คือ การได้นำโครงการพัฒนาตามพระราชดำริของพระองค์ท่านคือ การพัฒนาห้องสมุดมาใช้กับศูนย์เด็กเล็กที่ข้าพเจ้าปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งศูนย์ฯแห่งนี้ได้ก่อตั้งมาร่วม 34 ปี เมื่อก่อนที่ข้าพเจ้ามาอยู่ศูนย์ฯแห่งนี้ ยังไม่มีห้องสมุดให้เด็กๆได้ใช้ทำกิจกรรมต่างๆเด็กๆที่นี่จะเอานิทานมาจากบ้านคนละ 1 เล่ม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนิทานที่ค่อนข้างราคาถูก ปกบางๆตามสภาพของผู้ปกครอง มาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดู และให้คุณครูเล่าให้ฟัง ซึ่งข้าพเจ้าเห็นแล้วรู้สึกมันไม่พอเพียงและนิทานก็ไม่ค่อยมีคุณภาพ ต่อความต้องการของเด็กๆ ประจวบเหมาะพอดีวันหนึ่งมีผู้ใหญ่จากสโมสรโรตารี่จันทบูร เข้ามาสอบถามความสนใจในการใช้ประโยชน์จากนิทาน ซึ่งตรงใจกับที่ข้าพเจ้าอยากได้มาก จึงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ในการหาพื้นที่ที่จะทำห้องสมุด รวมถึงการเข้ารับการอบรมในเรื่องการใช้ห้องสมุดกับทางสโมสรโรตารี่ จนในที่สุดจึงได้รับการส่งมอบห้องสมุดพร้อมชั้นวางหนังสือ และหนังสือนิทานกว่า 300 เล่ม ทำให้เด็กๆในศูนย์ฯได้มีโอกาสเข้าไปใช้ห้องสมุดทำกิจกรรมต่างๆอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้องเล็กๆก็จะเข้าไปเปิดหนังสือดูภาพ เล่าเรื่องจากภาพที่เห็น หรือไปนั่งฟังครูเล่านิทาน ส่วนพี่ๆที่พออ่านหนังสือได้แล้วก็จะไปอ่านนิทานบ้าง เล่านิทานให้น้องๆฟังบ้าง ทำให้เด็กๆที่ศูนย์ฯรักการอ่าน ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นอกจากนั้นเรายังเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า หรือเด็กในชุมชนก็สามารถเข้ามาใช้ได้ มีการนำเด็กที่สามารถเล่านิทานได้ออกแสดงให้บุคคลภายนอกได้ชื่นชม เพื่อเป็นรางวัล เป็นกำลังใจกับเด็กๆที่ทำดี สุดท้ายนี้ เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ท่านจะมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 นี้ ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าจะเป็น “ข้าราชการที่ดี” ให้สมกับเป็นบุคคลผู้เป็นข้ารับใช้การงานของราชาจะเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนาต่อไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=2709 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 2709