การละเล่นของเด็กไทย

สร้างโดย บ้านดงเจริญ อบต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี (จังหวัดอุดรธานี)

ผู้จัดทำ นางเสาวณีย์ ผุยม่วง

ประเภทตัวชี้วัด : ด้านการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย



             “แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน…” ประโยคคุ้น ๆ ให้การเล่น งูกินหาง ที่ยังติดตรึงในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน และเป็นที่นิยมของเด็กในทุกเทศกาล ทุกโอกาสอีกด้วย งูกินหางเป็นการละเล่นพื้นเมืองเก่า เล่นกันทุกภาคของประเทศ การเล่นงูกินหางเป็นการเล่นเลียนแบบชีวิตสัตว์ คือ เลียนแบบลักษณะท่าทางของงูที่มีลำตัวยาวเลื้อยคดไปคดมา นิยมเล่นในงานเทศกาล งานประจำปี และงานรื่นเริงต่างๆ ในสมัยก่อน งูกินหางส่วนมากสาวมอญไม่ค่อยได้เล่นเท่าไร เพราะไม่ค่อยสุภาพ คือฝ่ายผู้ชายกับฝ่ายผู้หญิงต้องมาจับมือถือแขนกัน ผู้ใหญ่ไม่นิยมที่จะมาเล่นสนิทสนมกัน ส่วนมากจะเป็นคนไทยเล่นกัน ในวันนี้ครูอธิบายถึงวิธีการเล่นงูกินหางให้เด็กๆ ฟัง เด็กทุกคนก็ตั้งใจฟังด้วยความสนใจ จากนั้นครูก็สอนบทร้องให้เด็กๆ ร้องตาม ก็ดูเหมือนว่าจะร้องได้และเข้าใจดี เมื่อครูถามว่าเข้าใจมั้ยค่ะ อยากเล่นมั้ยค่ะ เด็กๆ ก็พร้อมใจตอบว่าเข้าใจครับ... เข้าใจค่ะ....หนูจะเป็นแม่งูค่ะ...ส่งเสียงกันเจี๊ยวจ๊าวไปหมดด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นครูก็ซักซ้อมถึงวิธีการเล่น ตกลงกันเป็นอย่างดี สมมติครูเป็นพ่องูนะ ถ้าครูถามว่า"แม่งูเอ๋ย" ให้แม่งูร้องตอบว่า "เอ๋ย" นะ ครับ...ค่ะ... เอาจริงแลัวนะ พ่องูถามว่าแม่งูเอ๋ย....เด็กๆ ทุกคนร้องพร้อมกันว่า....แม่งูเอ๋ย... ฮาฮาฮา นี่คือเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเด็กๆ ที่ไร้เดียงสาจริงๆ หลังจากนั้นก็ซ้อมร้อง ทำความเข้าใจ สร้างข้อตกลงในการเล่นกันอีกหลายรอบจึงได้ภาพที่สนุกสนานของเด็ก ๆ ทั้งช้ันเรียนเตรียมอนุบาล 1/3 ของเรา ซึ่งการละเล่นย้อนยุคของเด็กไทยในวันนี้ เด็กๆ ของเราได้ประโยชน์มากมายจากการเล่น การเล่นงูกินหาง ก็คือ ทำให้ผู้เล่นเกิดความสามัคคี ทำงานเป็นกลุ่ม รู้จักช่วยเหลือกัน และรู้จักการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด เมื่อภัยมาถึงตัว นอกจากนี้ยังฝึกร่างกายให้แข็งแรง และจิตใจเบิกบานสนุกสนานไปด้วย.ให้ความสนุกสนานในกลุ่มผู้เล่น ฝึกการทำงานเป็นกลุ่มตั้งแต่วัยเด็ก ที่สำคัญคือเด็กๆได้ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง พัฒนาการด้านร่างกายสมวัย กล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็กก็ได้ทำงานประสานสัมพันพัธ์กันได้เป็นอย่างดี กิจกรรมดีๆ อย่างนี้ควรอนุรักษ์ให้อยู่คู่กับเด็กไทยและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตลอดไป

ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=2691 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 2691