ตามรอยเจ้าฟ้านักเทคโนโลยีสารสนเทศ

สร้างโดย โรงเรียนเกี้ยวกวง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)

ผู้จัดทำ นางโสภณา รักวัฒนศิริกุล รหัสประจำตัว 543041321051

ประเภทตัวชี้วัด : ประสบการณ์ : จากเรื่องเล่า ใต้ร่มพระบารมี



             สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชดุมารีทรงปฏิบัติพระราชภารกิจสนองพระเดชพระคุณที่ได้รับมอบหมายจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี สมพระราชประสงค์ทั้งภายในประเทศและการสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพรสถานะที่ทรงดำรงตำแหน่งทางวิชาการและการบริหารอยู่เป็นอันมาก รวมทั้งทรงปฏิบัติพระราชภารกิจในโครงการตามพระราชดำเนินของพระองค์ซึ่งมีอยู่มากมายหลายด้านเช่นกันและทุกพระราชกรณียกิจของพระองค์ล้วนมีคุณค่ายิ่งและเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน ส่วนโครงการตามพระราชดำริของพระองค์ซึ่งมีอเนกประการนั้นกล่าวเฉพาะด้านการศึกษาเพียงบางส่วน เช่นทรงสนับสนุนด้านการศึกษาทั้งระดับก่อนประถมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษาทั้งที่โครงการเกี่ยวข้องกับการศึกษาโดยตรง และโครงการที่ส่งเสริมการศึกษาของเด็กและเยาวชน เช่น การจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ การจัดการเรียนการสอนดนตรีศึกษา ห้องสมุดโรงเรียน การจัดโครงการอาหารกลางวัน และการส่งเสริมโภชนาการในท้องถิ่นชนบทที่ยากจนและทุรกันดาร จัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการศึกษา และโครงการฝึกอาชีพพระราชกรณียกิจด้านการศึกษาส่วนใหญ่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาสังคมและพัฒนาการศึกษา ทรงสนพระราชหฤทัยและส่งเสริมการจัดการศึกษาเด็กก่อนวัยเรียน ทั้งเด็กปกติและเด็กพิการ เช่น เด็กหูหนวก ตาบอด และปัญญาอ่อนให้มีโอกาวอยู่ร่วมกัน ศึกษาร่วมกันกับเด็กปกติ และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างภูมิใจและเป็นสุข นอกจากนี้ ทรงเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อโลกปัจจุบัน จึงทรงส่งเสริมให้มีโครงการตามพระราชดำริด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นโครงการนำร่องในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้การพัฒนาการศึกษาของนักเรียนในชนบท ส่งเสริมสมรรถภาพของผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสในสังคม รวมทั้งการเผยแพร่วัฒนธรรมของไทยแก่ชาวไทยและชาวโลก ไม่เพียงแต่ประชาชนชาวไทยเท่าที่ได้รับพระกรุณาธิคุณระเทศเพื่อนบ้าน เช่น ราชอาณาจักรกัมพูชา ก็ได้มีโอกาสรับพระราชทานความช่วยเหลือด้านการศึกษา โดยทรงสนับสนุนให้สร้างโรงเรียนในประเทศนี้ตามความต้องการของเด็ก ผู้ปกครอง ชุมชน เพื่อเกื้อกูลพัฒนาการศึกษาและการสาธารณสุขแก่ประชาชนกัมพูชาสืบไปกาลนาน “ หนังสือมีมามายหลายชนิด นำดวงจิตเริงรื่นชื่นสดใส ให้ความรู้รื่นเริงบันเทิงใจ ฉันจึงใฝ่จามานอ่านทุกวัน มีวิชาหลายอย่างต่างจำพวก ล้วนสะดวกค้นได้ให้สุขสันต์ วิชาการสรรมาสารพัน ชั่วชีวันฉันอ่านไม่เบื่อเลย พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามราชกุมาร จากบทพระราชนิพนธ์แสดงให้เห็นว่าการอ่านหนังสือทำให้มีความสุขสนุกสนาน และสถานที่ที่เราจะค้นคว้าหาความสุขจากการอ่านได้มากที่สุดก็คือ ห้องสมุด ในยุคโบราณนั้น การเข้าห้องสมุดจะหาหนังสือแต่ละเล่มก็แสนจะลำบาก เนื่องจากต้องไปหาจากบัตรรายชื่อ ถ้าบัตรชำรุด เสียหาย เราก็จะหาหนังสือเล่มนั้นไม่พบ แต่ปัจจุบัน ห้องสมุดได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากมีการพัฒนาไปสู่ระบบอินเทอร์เน็ตระบบดิจิตอลที่กว่าที่กว้างไกล มีการนำคอมพิวเตอร์มาไว้ในห้องสมุด ใช้หาข้อมูลได้สะดวกสบายขึ้นกว่าเดิม ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ได้เหมือนในสิ่งที่ไม่เคยเห็น เหมือนท่องเที่ยวทุกหนทุกแห่ง ทำให้เรามีหูตากว้างกวางขึ้น นอกจากจะให้ความรู้แล้วห้องสมุดระบบดิจิตอลก็ยังให้ความสนุกแก่ทุกคนด้วย เช่น อยากรู้ว่าปลานีโมมีลักษณะอย่างไร เราก็สามารถเปิดโลกอินเทอร์เน็ตเข้าไปค้นหาดูได้ อยากอ่านหนังสือเล่มใหน อยากรู้อะไร เราสามารถเปิด e-Book กดไปดูได้ทุกประเทศ เราสามารถอ่านได้หมดศึกษาได้ทุกรูปแบบ ย่อโลกไว้แค่ลายนิ้ว เพียงคลิกเข้าไปในคอมพิวเตอร์เป็นการค้นค้าอย่างไร้พรมแดน เราโชคดีที่เกิดใยยุคที่มีห้องสมุดแสนสนุก ดังนั้น เราจึงควรเข้าไปห้องสมุดศึกษาหาความรู้ให้มากขึ้นความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยี ทำให้เรามีห้องสมุดที่ทันสมัย มีระบบการค้นคว้าค้นหาที่ดี การติดต่อระหว่างห้องสมุดต่างๆ ก็ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ที่รักการอ่านสามารถอ่านหนังสือได้ในทุกที่ แม้กระทั่งคนตาบอด ก็มีห้องสมุดเสียง อยากรู้อยากเห็นเรื่องอะไรก็กดเทปแล้วเสียงก็จะออกมาให้คนตาบอดได้รับรู้สิ่งที่เขาต้องการอยากรู้อยากเห็น ทำให้เขามีความสุขต่อการเข้าห้องสมุด ทำให้เขารู้สึกว่าใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ การใฝ่รู้ เป็นพื้นฐานของการปรับตัวให้ก้าวหน้าทันเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอยู่ในปัจจุบันนี้ ปัจจัยสำคัญของการเรียนรู้ก็คือ การอ่านหนังสือ คนที่อ่านหนังสือมาก เรียนรู้มากก็สามารถปรับตัวให้ทันยุคทันสมัยได้ตลอดเวลาและห้องสมุดก็เป็นขุมทรัพย์แห่งปัญญาของคนทุกเพศทุกวัยด้วย ห้องเอ๋ยห้องสมุด เป็นประดุจดังขุมทรัพย์อันไพรศาล แหล่งรวบรวมความรู้ครั้งบรรพกาล แล้วสืบสานงานความรู้สู่ปัจจุบัน เราจึงควรเข้าใช้ให้คุ้มค่า ศึกษาการงานทางปัญญาพาฝัน สมองกลช่วยคนได้เร็วพลัน เชิญชวนกันผ่านเข้ามาหาอ่านเอย การกระตุ้นเตือนให้ผู้ใหญ่ทุกคนได้พิจารณาว่ายังมีเรื่องใดที่ต้องเร่งลงมือทำเพื่อเด็กและเยาวชนของชาติโดยเฉพาะการยกระดับผลสัมฤทธิ์ในเรื่องความรู้ความสามารถของเด็กและเยาวชนไทยสู่ความสาเป็นสากล รวมทั้งการทุ่มเลยความรักความเอาใจใส่ทำให้เด็กเติบโตอย่างมีความสุข มีสติปัญญาเฉียบแหลมและมีพลานามัยสมบูรณ์ สังคมไทยต้องไม่มองข้ามหรือละเลยเด็ก ๆ ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลสำคัญของประเทศ เพราะการพัฒนาสังคมต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กันและสอดรับกันในทุกๆ มิติ สังคมไทยต้องถือเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องช่วยกันส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ สังคมไทยมีคำเปรียบเปรยความรักความผูกผันที่ผู้ใหญ่มีต่อเด็กว่า รักดังแก้วตาดวงใจ ซึ่งไม่ได้หมายถึงความรักที่มีมากที่สุดเท่านั้นแต่ต้องอยู่ในกรอบด้วยการอบรม สั่งสอน เลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอมให้เด็กเป็นที่สมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา อันเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบสูงสุดของบุคคลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือสร้างสรรค์ เจียระไน และพัฒนาเด็กๆ ไทยสู่ความเป็นเลิศมีความพร้อมที่จะสืบทอดการพัฒนาประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองสำหรับเด็กนั้นทุกคนจะต้องระลึกอยู่เสมอว่า ทุกคนมีหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมด้วยกี่พัฒนาตนเองตลอดเวลาให้เป็นผู้ที่มีความขยันหมั่นเพียร รู้จักเสียสละ อดทน รู้จักต่อสู้ และใฝ่เรียนใฝ่รู้ จะทำให้เรามีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ที่วิจิตนทำให้เกิดความก้าวหน้าทางอารยธรรมต่าง ๆ ซึ้งเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เด็กเข้ารู้คือ การอ่าน ยิ่งอ่านมาก เรียนมาก ก็ยิ่งมีข้อมูลมากที่จะประมวลเป็นองค์ความรู้ใหม่ สามารถนำมาบูรณาการและนำไปต่อยอดความก้าวหน้าต่อไป เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันหน้า พวกเราทุกคนคงเคยได้ยินกล่าวนี้กันมาบ้างแล้วใช่ใหมค่ะ เด็กคือผู้ที่มีอายุยังน้อยยังเล็กอยู่ และต่อไปจะเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การที่เด็กจะเจริญเติบโตที่ดีได้นั้น ต้องมีพื้นฐานสิ่งที่ดีๆ มาก่อน โดยผู้ใหญ่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อให้เด็กได้เอาไปเป็นแบบอย่าง เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว ถ้าดูแลเอาใจใส่ดี มอบสิ่งที่ดีๆ ให้เด็กก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี แต่ถ้าดูแลเอาใจใส่ไม่ดีก็เหมือนผ้าขาวที่สกปรกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ดี ทุกคนคงไม่อยากให้เด็กที่จะเติบโตในวันข้างหน้านั้นเป็นคนที่ไม่ดี ทุกคนล้วนอยากให้เป็นดี จึงมีการส่งเสริมเด็กในด้านต่างๆ การส่งเสริมด้านการศึกษาโยมีพระบัญญัติการศึกษาเพื่อให้เด็กได้ศึกษาเล่าเรียน เพราะการศึกษาเป็นแสงสว่างที่ส่องนำทางให้เด็กทุกคนได้ก้าวในทางที่ดี และเด็กยังเป็นกำลังที่สำคัญของชาติ ถ้าเด็กประสบความสำเร็จในกาศึกษาเล่าเรียน เมื่อเติบโตขึ้นก็สามารถสร้างฐานะได้ มีทรัพย์สมบัติมาก มีชื่อเสียง มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี มีครอบครัวดี สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ ข้าพเจ้าครูประจำชั้นอนุบาล 3/1 โรงเรียนเกี้ยวกวง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้จัดการเรียนการสอนโดยการนำโครงการตามรอยพระราชดำริเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมาเป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลาและปรับตัวได้ทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม นับเป็นการเสริมศักยภาพในการจัดการศึกษาและการบริการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ครูและนักเรียนจะเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข และได้เรียนรู้ขั้นพื้นฐาน ICT มาใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ ทั้งนี้ เพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่อย่างน้องๆ ให้เป็น คนดี คนเก่ง และมีคุณธรรมจริยธรรมนั่นเอง

ที่มา : http://special2.dusitcenter.org/cdcnews/content.php?nid=1690 | เลขที่ข่าวอ้างอิง : 1690